ชื่อสมุนไพร : กาแฟ
ชื่ออื่นๆ : กาแฟอาราบิก้า
ชื่อสามัญ : kofi, coffee, koffie, Brazilian coffee, Arabian coffee.
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Coffea arabica L.
ชื่อวงศ์ : RUBIACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ต้นกาแฟ เป็นไม้พุ่มขนาดกลางสูงประมาณ 3 ถึง 5 เมตร กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม สีเขียว ลำต้นและกิ่ง ลำต้น (main stem) เป็นลำต้นเจริญเติบโตมาจากรากแก้ว มีลักษณะเป็นข้อและปล้อง เมื่อกาแฟต้นเล็กจะเห็นได้ชัด ใบจะอยู่ตามข้อของลำต้น เมื่อต้นโตใบจะร่วงหล่นไป ที่โคนใบมีตา 2 ชนิด คือ ตาบนและตาล่าง ตาบนจะแตกกิ่งออกมาเป็นกิ่งแขนงที่ 1 (Primary branch) เป็นกิ่งลักษณะเป็นกิ่งนอนขนานกับพื้นดินมีข้อและปล้อง แต่ละข้อของกิ่งแขนงนี้จะมีกลุ่มตาดอกที่จะติดดอกเป็นผลกาแฟต่อไป ส่วนตาล่างจะแตกออกเป็นกิ่งตั้ง (sucker) กิ่งตั้งจะตั้งตรงขึ้นไปเหมือนลำต้น ไม่ติดดอก
- ใบกาแฟ ลักษณะเป็นใบเดี่ยว ก้านใบสั้น โคนใบและปลายใบเรียวแหลม ตรงกลางใบกว้าง ผิวใบเรียบ นุ่มเป็นมัน ขอบใบหยักเป็นคลื่น ใบของต้นกาแฟมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ขนาดโดยเฉลี่ยยาว 10-15 เซนติเมตร และกว้าง 6 เซนติเมตร ขนาดใบขึ้นกับพันธุ์กาแฟ ใบเกิดที่ข้อเป็นคู่ตรงข้ามกัน ปากใบอยู่ด้านท้องใบ แต่ละใบมีปากใบประมาณสามล้านถึงหกล้านรู ปากใบของกาแฟโรบัสต้ามีขนาดเล็กกว่าอาราบิก้าแต่มีจำนวนมากกว่า อายุใบประมาณ 250 วัน
- ดอกกาแฟ ออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ มี 2-9 ดอก หรือมากกว่า สีขาว มีกลิ่นหอม ก้านดอกสั้นมาก มีใบประดับเล็กๆ รูปไข่ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ก้านเกสรเพศเมียพ้นหลอดดอกเล็กน้อย
- ผลกาแฟ กลมรี ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ผลแก่สีเขียว ผลสุกสีแดงหรือเหลือง ผนังผลหนา เมล็ดแคบยาว มักมี 2 เมล็ด
ส่วนที่ใช้เป็นยา : เมล็ด
สรรพคุณ กาแฟ :
- เมล็ด มีคาเฟอีน มีฤทธิ์ กระตุ้นหัวใจ กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ทำให้นอนไม่หลับ และมีสาร theophylline มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ การดื่มกาแฟทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เพราะมีสาร theobromine อาจทำให้มีอาการปวดแสบที่ลิ้นปี่ นอกจากนี้กาแฟ ยังลดการดูดซึมธาตุเหล็กอีกด้วย จึงควรระวังในการดื่มกาแฟ โดยเฉพาะขณะท้องว่าง
ข้อมูลเพิ่มเติม :
คอกาแฟควรรู้ อันตราย!! ถ้ากินกาแฟกินร่วมกับบางอย่าง
- ห้ามดื่มกาแฟร่วมกับยาเอฟีดรีน (Ephedrine) หรือกลุ่มยาแก้คัดจมูก เพราะ มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท เหมือนกันกับกาแฟ รับประทานพร้อมกันอาจมีผลกับหัวใจ
- ไม่ดื่มร่วมกับแอลกอฮอล์ เพราะจะไปกระตุ้นให้ร่างกายย่อยเร็วขึ้น จนมีสารคาเฟอีนในเลือดมากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงได้ สั่นกระตุก ปวดศีรษะ และหัวใจเต้นเร็ว
- ยาอื่นๆ ที่ควร เช่น ยาอะดีโนซีน อะเลนโดรเนท โคลซาปีน ไดไพริดาโมล ไดซัลฟิแรม เอสโตรเจน ฟลูวอกซามีน เลโวไทรอกซีน ลิเทียม ยาต้านซึมเศร้ากลุ่ม MAOIs ยาต้านซึมเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก เพนโทบาร์บิทอล ฟีโนไทอาซีนทีโอฟิลลีน เวอราปามิล ยากระตุ้นระบบประสาท ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยาปฏิชีวนะ
ข้อดีในการดื่มกาแฟ
- ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน 60%
เนื่องจากกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระและยังมีสารประกอบที่เรียกว่าควินิน (Quinines) ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตอินซูลินได้ดีขึ้น - ช่วยลดอัตราการเกิดภาวะความจำเสื่อม 65%
จากการวิจัยพบว่ากาแฟมีส่วนช่วยในการชะลอภาวะความจำเสื่อมโดยไปหยุดยั้งหรือต้านการจับตัวของคอเรสเตอรอล (Cholesterol) ที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย - ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ 50%
จากการศึกษาถึง 12 ปีกับผู้หญิงในญี่ปุ่นพบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 3 แก้วหรือมากกว่าต่อวัน มีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ - ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ (Alzheimer) 65%
จากการศึกษากับคนวัยกลางคนในประเทศฟินแลนด์ จำนวน 1,400 พบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวัน สามารถลดอัตราเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ได้ถึง 65% - ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคตับแข็ง 80%
จากการศึกษากับผู้ดื่มกาแฟจำนวน 125,000 คน พบว่าการดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวัน ทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็งลดลงถึง 20% ถ้าดื่ม 4 แก้วต่อวันก็จะลดอัตราเสี่ยงได้มากถึง 80% - ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 50%
ผู้ชายที่ดื่มกาแฟอย่างน้อย 2 แก้วต่อวัน มีแนวโน้มในการลดอัตราเสี่ยงของการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี 40% และ 25% สำหรับผู้หญิงที่ดื่มกาแฟในปริมาณที่เท่ากัน และ 45% สำหรับคนที่ดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน - ช่วยลดอาการปวดหัว บ่อยครั้งที่คาเฟอีน (Caffeine) ถูกใช้เป็นยาแก้ปวดหัวโดยเฉพาะอาการปวดหัวจากไมเกรน โดยสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ถึง 40% นอกจากนี้ยาแก้ปวดหลายประเภทยังมีส่วนผสมคาเฟอีน (Caffeine) 65 mg เช่น Aspirin, Ibuprofen, Acetaminophen
สำหรับผู้หญิง
- การดื่มกาแฟช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจในผู้หญิง 25%
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยของสเปนพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 2-3 แก้วต่อวัน มีอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มและมากกว่าผู้ชาย 25% - การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือดในผู้หญิง 43%
จากการศึกษากับนางพยาบาล จำนวน 83,000 คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ และดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดการอุดตันในเส้นเลือดได้ถึง 43%
สำหรับผู้ชาย
- การดื่มกาแฟช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
จากการศึกษากับผู้ชาย จำนวน 50,000 คน เป็นเวลา 20 ปี พบว่าคนที่ดื่มกาแฟ 6 แก้วต่อวันจะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มเลย
อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเกินปริมาณที่เหมาะสมก็ย่อมส่งผลเสียแก่ร่างกายได้ โดยเฉพาะในกาแฟที่มักนิยมดื่มในลักษณะกาแฟเย็น ซึ่งต้องใส่ทั้งนมหรือครีม และน้ำตาล ทำให้มีปริมาณแคลอรี่เพิ่มขึ้นกว่าการดื่มแต่กาแฟเพียงอย่างเดียวมาก
ข้อเสียของการดื่มกาแฟ
- ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น จากการศึกษาวิจัยพบว่าการดื่มกาแฟจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นนานถึง 12 ชั่วโมง ดังนั้น กลุ่มคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงจึงไม่ควรดื่มกาแฟขณะรู้สึกเครียดหรือมีแรงกดดันมากจากการทำงาน
- คาเฟอีนในกาแฟจะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียม เหล็ก และสังกะสี ดังนั้น เด็กจึงไม่ควรดื่มกาแฟ
- กาแฟจะทำให้ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลในกระเพาะร้ายแรงขึ้น เนื่องจากกาแฟจะทำให้กระเพาะอาหารมีน้ำย่อยออกมามากขึ้น จนทำให้เป็นแผลมากขึ้น ดังนั้น ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารที่เป็นแผลในกระเพาะไม่ควรดื่มกาแฟมาก โดยเฉพาะในช่วงท้องว่าง
- กาแฟทำให้เกิดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน เนื่องจากคาเฟอีนมีคุณประโยชน์ทำให้ขับปัสสาวะมากขึ้น แต่ถ้าดื่มกาแฟเป็นเวลานานจะทำให้สูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะมากจนเกิดภาวะกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงวัยทองไม่ควรดื่มกาแฟมากเกินควร
- หญิงตั้งครรภ์ถ้าดื่มกาแฟมากเกินไปจะทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์เจริญเติบโตไม่เป็นปกติ หรืออาจแท้งได้ เนื่องจากคาเฟอีนจะส่งผลต่ออวัยวะภายในของทารกที่ยังอ่อนแอ
- กาแฟมีผลต่อการดูดซึมวิตามิน B1 ซึ่งเป็นวิตามินที่รักษาความสมดุลและความมั่นคงของระบบประสาท ดังนั้น ผู้ที่ขาดวิตามิน B1 จึงไม่ควรดื่มกาแฟ
- คนเป็นโรคหัวใจไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะคาเฟอีนมีบทบาทในการกระตุ้นหัวใจ ทำให้เลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าเป็นคนสูงอายุที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจดีเกินไป มีการทำงานของหัวใจที่หนักมากยิ่งขึ้น และทำให้หัวใจเสื่อมเร็วยิ่งขึ้นด้วย
- คาเฟอีนในกาแฟจะแทรกแซงการหลับด้วยคลื่นรบกวนช้าๆ แต่ว่าลึกๆ ซึ่งทำให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
- ทำให้เกิดน้ำหนักเกินเนื่องจากน้ำตาล นม และครีมที่เติมเข้าไป นอกจากนี้การดื่มกาแฟยังมักนิยมรับประทานควบคู่กับขนม เช่น เค้ก หรือคุกกี้ต่างๆ จึงส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักได้ง่าย
- การดื่มในปริมาณมากทำให้เกิดอาการมือสั่น กระวนกระวาย โกรธง่ายและปวดศีรษะ มีผลต่อหัวใจและเส้นเลือด ทำให้กล้ามเนื้อของหลอดเลือดคลายตัวหรือบีบรัดมากขึ้น เกิดความเครียดได้ง่าย
สายพันธุ์
กาแฟมีพันธุ์ใหญ่ๆ ได้อยู่ 4 กลุ่ม
1) กาแฟพันธุ์อราบิก้า (Arabica) เป็นกาแฟที่มีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งมีผลผลิตประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของกาแฟที่ปลูกทั่วโลก
2) กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) มีความสำคัญรองลงมาจากกาแฟอราบิก้า และ คุณภาพด้อยกว่าอราบิก้า
3) กาแฟพันธุ์เอ็กเซลซ่า (Excelsa) ไม่มีความสำคัญและปริมาณในทางการค้า เพราะคุณภาพไม่ดี มีกลิ่นเหม็นเขียว
4) กาแฟพันธุ์ลิเบอริก้า (Liberrica) เป็นกาแฟพื้นเมืองของแองโกล่า คุณภาพสารกาแฟไม่ดีพอ ไม่เป็นที่สนใจของตลาดและนักดื่ม