ชื่อสมุนไพร : คอแลน
ชื่ออื่นๆ : กะเบน, คอรั้ง, สังเครียดขอน (ภาคใต้), ขาวลาง, มะแงว, หมากแงว, หมักแงว, หมักงาน (ภาคอีสาน), คอแลน (ภาคกลาง ภาคเหนือ), คอแลนตัวผู้, ลิ้นจี่ป่า (ตะวันออกเฉียงใต้), มะแงะ, หมักแงว (ภาคกลาง ภาคตะวันออก)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nephelium hypoleucum Kurz.
วงศ์ : SAPINDACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ต้นคอแลน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ สูง 10 – 20 เมตร ลำต้นเปลา (สูงชะลูด ไม่มีกิ่งที่ลำต้น) โคนต้นอาจมีพูพอน เปลือกสีน้ำตาลคล้ำ เรียบ เรือนยอดเป็นพุ่มค่อนข้างทึบ
- ใบคอแลน ใบเดี่ยวเรียงสลับ ออกเป็นช่อ ติดเรียงสลับยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร ใบย่อยรูปขอบขนาน แกมรูปไข่ ติดตรงข้าม 1-3 คู่ โคนใบมนและเบี้ยว ขอบใบเรียบ เนื้อใบหนา หลังใบเกลี้ยงเป็นมัน ส่วนท้องใบสีจาง
- ดอกคอแลน ขนาดเล็ก สีขาวอมเขียว ออกรวมกันเป็นช่อขนาดใหญ่ ที่ปลายกิ่ง ทุกส่วนของช่อมีขนสีเทาทั่วไป โคนกลีบรองดอกจะติดกันเป็นรูปถ้วยปากกว้าง ปลายแยกเป็น 5 แฉก ส่วนกลีบดอกไม่มี มีเกสรตัวผู้ 5 เส้น มีรังไข่กลมและมีขนปกคลุม
- ผลคอแลน ผลมีรูปรีหรือค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร ผิวขรุขระเป็นปมเล็กๆ กระจายทั่วไป เปลือกภายนอกมีลักษณะคล้ายกับลิ้นจี่ ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีแดงเข้ม แต่ละผลมีเมล็ดเดียว มีเนื้อเยื่อในใสและชุ่มน้ำ หุ้มเมล็ด เนื้อคล้ายเงาะมีรสเปรี้ยว
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ผล, เนื้อไม้, เปลือก
สรรพคุณ คอแลน :
- ผลแก่ รับประทานได้ เป็นยาระบาย มีรสเปรี้ยวจัด นิยมกินกับน้ำปลา เกลือ หรือน้ำปลาหวาน
- เนื้อไม้ รสฝาด ปรุงเป็นยาห้ามเลือด
- ผล เป็นยากระจายเลือด
- เปลือก เป็นยาบำรุงเลือด
ข้อมูลเพิ่มเติม :
- เนื้อไม้ต้นคอแลนมีสีแดงหรือสีน้ำตาลแดง เนื้อละเอียด มีความเหนียวและแข็ง ในประเทศไทยมักนำมาทำเครื่องใช้ทางการเกษตร เช่น คันไถ และด้ามจับเครื่องใช้ต่างๆ
- ผลแก่ ใช้รับประทาน มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยทำให้ชุ่มคอ ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไข้หวัด
- ดอกจากไม้คอแลน ยังใช้เลี้ยงผึ้งได้ให้น้ำผึ้งแบบธรรมชาติ
ในปัจจุบันคอแลนเป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ยากและใกล้จะสูญพันธุ์ เพราะไม่ค่อยมีคนปลูก เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมในการรับประทานเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะมันมีรสเปรี้ยว แต่ภายหลังเกษตรกรก็ได้หันมาปลูกคอแลนที่มีรสหวานและลูกใหญ่ขึ้นมาทดแทนพันธุ์เดิม