ชื่อสมุนไพร : กล้วย
ชื่ออื่น ๆ : กล้วยหอม, กล้วยใต้, กล้วยพุทธมาลี, กล้วยน้ำว้า, กล้วยพัด, กล้วยหอมจัทน์, กล้วยหอมทอง, กล้วยหอมเขียว, กล้วยน้ำ กล้วยน้ำไท, กล้วยเล็บมือ, กล้วยนาก, กล้วยส้ม, กล้วยหักมุก, กล้วยหอม, กล้วยมณีอ่อง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Musa sapientum L.
ชื่อวงศ์ : MUSACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
- ต้นกล้วย เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นที่เห็นจะเกิดจากก้านหุ้มซ้อนกันจะมีลำต้นขนาดใหญ่และสูงประมาณ 25 เมตร
- ใบกล้วย จะมีสีเขียว เป็นแผ่นยาวประมาณ 1.53 เมตร กว้าง 40-60 ซ.ม เส้นของใบจะขนานกันแกนใบจะเห็นได้ชัดเจน ก้านใบยาวกว่า 30 ซม.ดอก : มีลักษณะที่ห้อยย้อยลงมายาวประมาณ 60-130 ซม. เป็นช่อหนึ่งเรียกว่า หัวปลี และตามช่อนั้นจะมีกาบหุ้มช่อมีสีแดงปนม่วงเป็นรูปกลมรี ยาว 15-30 ซม. ส่วนที่เป็นฐานดอกจะมีตัวเมีย ส่วนปลายจะมีเกสรตัวผู้ ช่อดอกที่จะเจริญกลายเป็นผลนั้น เกสรตัวเมียและผู้จะร่วงไป
- ผลกล้วย เมื่อดอกเจริญกลายเป็นผลแล้วซึ่งผลนี้ จะประกอบด้วยหวีกล้วย เครือละ 7-8 หวี ในแต่ละหวีจะมีกล้วยอยู่ประมาณ 10 กว่าลูก ผลจะมีรูปร่างอย่างไรขึ้นอยู่กับ ชนิดของต้น เมื่อผลออกมาใหม่ ๆ จะมีสีเขียวแต่พอแก่พอที่จะรับประทานได้จะเป็นสีเหลือง น่าทานมาก แต่ละต้นจะให้ผลครั้งเดียวเท่านั้น
ส่วนที่ใช้เป็นยา ลูกดิบ หรือ ลูกห่าม
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา เก็บลูกกล้วยช่วงเปลือกยังเป็นสีเขียว ต้นกล้วยจะให้ผลในช่วงอายุ 8 – 12 เดือน
รสและสรรพคุณยาไทย ลูกดิบ รสฝาด ฤทธิ์ฝาดสมาน
สารสำคัญและฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา กล้วยดิบประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิดเช่น Tannin, Serotonin, Dopaamin เป็นต้น ผงกล้วยดิบสามารถป้องกันและรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้ โดยการไปกระตุ้นให้เซลล์ในเยื่อบุกระเพาะหลั่งสารพวก mucin ออกมาเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร
วิธีใช้ กล้วยน้ำว้า :
- โรคกระเพาะ
กล้วยน้ำว้าดิบฝานเป็นแว่นตากแดด อบให้แห้ง บดเป็นผงรับประทานโดยนำมาชงกับน้ำหรือผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่ม หรือนำผงกล้วยดิบมาปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน อาจมีอาการท้องอืดเฟ้อจากการรับประทานกล้วยดิบ สามารถป้องกันได้โดยใช้ร่วมกับยาขับลม เช่น น้ำขิง พริกไทย เป็นต้น - อาการท้องเสีย ที่ไม่รุนแรง
โดยใช้กล้วยน้ำว้าห่ามรับประทานครั้งละครึ่งผลถึงหนึ่งผล หรือใช้กล้วยน้ำว้าดิบฝานเป็นแว่นตากแดดให้แห้ง บดเป็นผง ชงน้ำดื่มครั้งละครึ่งผลถึงหนึ่งผลหรือบดเป็นผง ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอนรับประทานแล้วแล้วอาจมีอาการท้องอืดเฟ้อ ป้องกันได้โดยใช้ร่วมกับยาขับลม เช่น น้ำขิง พริกไทย เป็นต้น