องค์ความรู้ในหลักกิจ 4 กับการนวดแผนไทย

การรู้จักที่ตั้งที่แรกเกิดของโรค

  • ที่แรกตั้งของโรคจำแนกได้ ดังนี้
    ❐ ธาตุสมุฏฐาน เจ็บป่วยได้ 3 กอง คือ ปิตตะ เสมหะ วาตะ
    ❐ อุตุสมุฏฐาน จำแนกเป็น 3 อย่างคือ 3 ฤดู 4 ฤดู และ 6 ฤดู
    ❐ อายุสมุฏฐาน แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ปฐมวัย มัชฌิมวัย และปัจฉิมวัย
    ❐ กาลสมุฏฐาน แบ่งเป็น 4 ยาม คือ กลางวัน 4 กลางคืน 4
    ❐ ประเทศสมุฏฐาน จำแนกตามภูมิประเทศ ได้ 4 ประเภท คือ เกิดในที่สูง (ร้อน) เกิดในที่ลุ่ม (เย็น) เกิดในที่มีน้ำเป็นกรวดทราย (อุ่น) เกิดในที่ลุ่ม น้ำเค็ม (หนาว)
    ❐ การปฏิบัติตน
    ╰☆ อาหาร
    ╰☆ อิริยาบถ
    ╰☆ ความร้อนและเย็น
    ╰☆ ทรมานร่างกาย คือ อดข้าว น้ำ นอน
    ╰☆ กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ
    ╰☆ ทำงานเกินกำลังเวลา
    ╰☆ โศกเศร้าเสียใจ
    ╰☆ โทสะ

การรู้จักชื่อโรคที่เกี่ยวข้องกับการนวดแผนไทย

  • การจำแนกประเภทของโรค แบ่งได้ 4 ประการ คือ
    ❐ โรคที่เกิดแก่ทางปัถวีธาตุพิการ
    ╰☆ เกศา พิการ ทำให้เจ็บ คัน เป็นผื่น เป็นเม็ด ตามหนังศีรษะ และผมร่วง
    ╰☆ โลมา (ขน) พิการ เกิดตามขุมขนและผิวหนัง อาการเช่นเดียวกับเกศาพิการ
    ╰☆ นขา (เล็บ) พิการ เจ็บตามเล็บ เล็บเปื่อย เล็บถอด
    ╰☆ ทันตา (ฟัน) พิการ เป็นโรคที่ฟัน ปวดฟัน ฟันเป็นรำมะนาด แมงกินฟัน เหงือกเป็นหนอง โลหิตออกตามไรฟัน
    ╰☆ ตโจ (หนัง) พิการ คันตามผิวหนัง ผิวหนังเป็นขุย เป็นสาก หนังเหี่ยวและแสบร้อน
    ╰☆ มังสัง (เนื้อ) พิการ เนื้อช้ำ เป็นหนองที่เนื้อใต้หนัง เป็นไฝ เป็นหูด
    ╰☆ นหารู (เอ็น) พิการ ให้รู้สึกตึง รัด ผูกในดวงใจ ให้สวิงสวายและอ่อนหิว
    ╰☆ อัฐิ (กระดูก) พิการ ปวดกระดูก
    ╰☆ อัฏฐิมิญชัง (เยื่อกระดูก) พิการ ปวดตามกระดูก ขัดกระดูกภายใน กระดูกชา
    ╰☆ วักกัง (ม้าม) พิการ ให้สะท้านร้อนสะท้านหนาว เหลืองตามร่างกาย พุงโร อิดโรย เมื่อกดลงไปที่ตรงข้างกระเพาะอาหารเบื้องซ้าย จะรู้สึกว่าแข็ง ม้ามห้อยย้อย
    ╰☆ หทยัง (หัวใจ) พิการ ให้อารมณ์เสีย โรคหัวใจ
    ╰☆ ยกนัง (ตับ) พิการ ตับโต ตับย้อย ตับช้ำ เป็นฝีที่ตับ
    ╰☆ กิโลมกัง (พังผืด) พิการ ให้อกแห้ง ให้กระหายน้ำ
    ╰☆ ปิหกัง (ไต) พิการ ให้ขัดในอก ให้มือเท้าเย็น ให้ขัดปัสสาวะหรือปัสสาวะบ่อย
    ╰☆ ปับผาสัง (ปอด) พิการ ให้กระหายน้ำ ให้ร้อนในอก ให้หอบ ซูบซีด อ่อนเพลีย ให้ไอมีเสมหะ มีหนอง เป็นวัณโรค
    ╰☆ อันตัง (ลำไส้ใหญ่) พิการ ให้ลงท้อง ให้แน่นท้อง ให้ปวดที่หน้าท้อง
    ╰☆ อันตคุณัง (ลำไส้เล็ก) พิการ ให้แน่น เฟ้อ เรอ ปวดร้อนในท้อง หน้ามืดตามัว ร้อนคอ ร้อนในท้อง อุจจาระเป็นหนอง
    ╰☆ อุทริยัง (อาหารใหม่) พิการ ให้จุกเสียดแน่น ผะอืดผะอม สะอึก
    ╰☆ กรีสัง (อาหารเก่า) พิการ ให้อุจจาระไม่ปกติ ปวดถ่วงช่องทวารหนัก
    ╰☆ มัตถเก มัตถลุงคัง (สมอง-ไขสันหลัง) พิการ ให้ปวดสมอง หูตึง ตามัว ลิ้นกระด้าง คางแข็ง มีเมือกน้ำมูกข้น ๆ ตกออกทางจมูก ซึม ไร้ความคิด
    ❐ โรคที่เกิดแก่ทางอาโปธาตุพิการ
    ╰☆ ปิตตะ (ดี น้ำดี) มีพิการ 2 ลักษณะ คือ
    ⇝ พัทธปิตตะ (น้ำดีในฝัก) พิการ ให้คลุ้มคลั่ง ตาขุ่น เป็นสีเขียวที่ตาขาว
    ⇝ อพัทธปิตตะ (น้ำดีนอกฝัก) พิการ ทำให้ปวดศีรษะ น้ำลายขม ตัวร้อน ตาเหลืองเขียว มีอาการเจ็บไข้
    ╰☆ เสมหะพิการ มี 3 ลักษณะ คือ
    ⇝ ศอเสมหะพิการ ให้ไอเจ็บคอ คอแห้ง เป็นหืด แสบคอ
    ⇝ อุระเสมหะพิการ ให้ผอมเหลือง แสบในอก อกแห้ง มีเสมหะที่ปอด
    ⇝ คูถเสมหะพิการ ตกอุจจาระ เป็นเสมหะมูกเลือด
    ╰☆ ปุพโพ (หนอง) พิการ ให้ไอ เบื่ออาหาร ซูบซีด
    ╰☆ โลหิตัง (เลือด) พิการ ให้อ่อนเพลีย ให้ตัวร้อนจัด คลั่ง เพ้อ ปวดศีรษะอย่างแรง เป็นผื่นเล็ก ๆ ตามผิวหนัง ปัสสาวะแดง
    ╰☆ เสโท (เหงื่อ) พิการ ให้สวิงสวาย ตัวเย็นอ่อนเพลีย
    ╰☆ เมโท (มันข้น) พิการ ให้ผุดเป็นแผ่นตามผิวหนัง เป็นวงเป็นดวง เป็นน้ำเหลืองไหล ปวดแสบปวดร้อน
    ╰☆ อัสสุ (น้ำตา) พิการ ให้เป็นน้ำตา น้ำหนองไหล ให้น้ำตาแฉะ ทางเดินน้ำตาเน่าเปื่อย
    ╰☆ วสา (มันเหลว) พิการ ให้ผิวเหลือง ตาเหลือง ให้ลงท้อง
    ╰☆ เขโฬ (น้ำลาย) พิการ ให้น้ำลาย เปรี้ยว-ขม-หวาน ปากเปื่อยข้างในเป็นเม็ดตามลิ้น
    ╰☆ สิงฆานิกา (น้ำมูก) พิการ ให้ป่วดสมอง ตามัว น้ำมูกตก
    ╰☆ ลสิกา (ไข น้ำมันในข้อ) พิการ ให้เจ็บ ขัด ตามข้อกระดูก
    ╰☆ มุตตัง (น้ำปัสสาวะ) พิการ ให้ปัสสาวะขุ่นขาว เหลืองแก่ แดง ดำ และดินเป็นตะกอน
    ❐ โรคที่เกิดแก่ทางวาโยพิการ
    ╰☆ อุทธังคมาวาตา (ลมขึ้นเบื้องบน) พิการ ให้สับสน ร้อนในท้อง หาวเรอ
    ╰☆ อโธคมาวาตา (ลมลงเบื้องล่าง) พิการ ให้อ่อนเพลีย ยกมือยกเท้ามิขึ้น ปวดเมื่อยตามข้อกระดูก
    ╰☆ โกฏฐสยาวาตา (ลมในลำไส้ กระเพาะ) พิการ ให้แน่นหน้าอก จุกเสียด คลื่นเหียนอาเจียน เบื่ออาหาร
    ╰☆ กุจฉิสยาวาตา (ลมนอกลำไส้) พิการ ให้ท้องลั่น หัวใจสั่น และปวดเมื่อย
    ╰☆ อังคมังคานุสสริวาตา (ลมทั่วร่าง) พิการ ให้ตาพร่าพราว วิงเวียน เจ็บ 2 หน้าขาและกระดูกสันหลัง สะบัดร้อนสะบัดหนาว อาเจียนลมเปล่า
    ╰☆ อัสสาสะปัสสาสะวาตา (ลมหายใจ) พิการ ให้หายใจไม่ออก หายใจสั่น หายใจเจ็บ-ยอก
    ❐ โรคที่เกิดแก่ทางเตโชพิการ
    ╰☆ สันตัปปัคคี (ไฟอุณหภูมิร่างกาย) พิการ ทำให้กายเย็นชืด
    ╰☆ ปริณามัคคี (ไฟต้านทาน) พิการ ให้ขัดข้อมือ ข้อเท้า ปวดฝ่ามือ ฝ่าเท้า ท้องแข็ง ไอ
    ╰☆ ชิรณัคคี (ไฟเผาผลาญ) พิการ ทำให้ร่างกาย ไม่รู้สึกสัมผัส ไม่รู้กลิ่น ไม่รู้รส
    ╰☆ ปริทัยหัคคี (ไฟย่อยอาหาร) พิการ ทำให้ร้อนใน เย็นภายนอก มือเท้าเย็นเหงื่อออก

การรู้จักความรู้พื้นฐาน หลักการและวิธีการนวดแผนไทย
สิ่งจำเป็นที่ผู้นวดต้องเรียนรู้และปฏิบัติ มี 7 ข้อ ดังนี้

  • ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์
  • ความรู้ในการค้นหาต้นเหตุ (สมุฏฐาน) ของโรค
  • หลักการพื้นฐานในการนวดแผนไทย
    ╰☆ การนวด
    ╰☆ การกดเส้น
    ╰☆ การคลายเส้น
    ╰☆ การตรวจลมและเส้น
  • วิธีการนวดแผนไทย
    ╰☆ วิธีการกด มักใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงที่ส่วนของร่างกาย ข้อเสีย คือ ถ้ากดนาน จะทำให้หลอดเลือดเป็นอันตรายได้
    ╰☆ วิธีการคลึง ใช้นิ้วหัวแม่มือหรือสันมือเพิ่มออกแรงกดให้ลึกถึงกล้ามเนื้อ หรือคลึงเป็นวงกลม ข้อเสีย คือ ถ้าคลึงรุนแรง อาจทำให้เส้นเลือดฉีกขาด หรือถ้าโดนเส้นประสาท จะทำให้เกิดรู้สึกเสียวแปลบ
    ╰☆ วิธีการบีบ เป็นการจับกล้ามเนื้อให้เต็มฝ่ามือ แล้วออกแรงบีบ ข้อเสีย เช่นเดียวกับการกด
    ╰☆ วิธีการดึง เป็นการออกแรงเพื่อที่จะยึดเส้นเอ็นของกล้ามเนื้อหรือพังผืดของข้อต่อที่หดสั้นเข้าไปออก ข้อเสีย คือ อาจทำให้เส้นเอ็นหรือพังผืดที่ฉีกขาดอยู่ ขาดมากขึ้น ไม่ควรดึงในขณะที่มีอาการแพลงของข้อต่อ ต้องรออย่างน้อย 14 วันหรือ 2 สัปดาห์จึงจะดึงได้
    ╰☆ วิธีการบิด เป็นการออกแรงเพื่อหมุนข้อต่อหรือกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ให้ยืดออกทางด้านขวาง ข้อเสีย คล้ายกับการดึง
    ╰☆ วิธีการดัด เป็นการออกแรงเพื่อให้ข้อต่อที่ติดขัดเคลื่อนไหวได้ปกติ ข้อเสีย คือ อาจทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดได้ถ้าผู้ป่วยไม่ผ่อนกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อต่อนั้น กรณีผู้ป่วยเป็นอัมพาตมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่ควรทำการดัด
    ╰☆ วิธีการตบ ตี ทุบ หรือการสับ เป็นการออกแรงกระตุ้นกล้ามเนื้ออย่างเป็นจังหวะ มักใช้กับบริเวณหลัง เพื่อช่วยอาการปวดหลัง คอ หรือช่วยในการขับเสมหะเวลาไอ ข้อเสีย คือ ทำให้กล้ามเนื้อบอบช้ำและบาดเจ็บได้
    ╰☆ วิธีการเหยียบ เป็นวิธีการที่นิยมทำกันโดยให้เด็กหรือผู้อื่นขึ้นไปเหยียบหรือเดินอยู่บนหลัง ข้อเสีย คือ เป็นท่านวดที่อันตรายมาก
  • ข้อควรพิจารณาในการนวด สรุปได้ดังนี้ ท่าทาง การวางมือและนิ้วลงจุดที่ตำแหน่ง แรงที่ใช้กด เวลาที่กำหนดเป็นคาบ ควรจะทราบจุดก่อนหลัง ทั้งการนวดซ้ำแต่ละที อีกทั้งมีระยะถี่ ต้องนวดที่ละกี่ครั้ง พร้อมทั้งคำแนะนำที่แยบยล มีการติดตามผลที่สัมฤทธิ์ อย่าลืมคิดถึงข้อห้ามและข้อระวัง
  • แนวทางปฏิบัติตัวของผู้นวด ควรสังวรในเรื่องการปฏิบัติตน
    ╰☆ วิธีปฏิบัติเมื่อปวดนิ้วมือหลังการนวด คือ แช่มือในน้ำอุ่น นวดและคลึงบริเวณเนินกล้ามเนื้อของฝ่ามือและรอบนิ้วมือ ใช้ปลายเล็บจิกที่บริเวณข้อนิ้วทั้ง 2 ด้าน
  • มารยาทในการนวด

การรู้จักจุดนวดเฉพาะโรคในการนวดแผนไทย
จุดนวดเฉพาะโรคที่สำคัญ ได้แก่ จุดนวดแก้ปวดศีรษะ จุดนวดแก้ปวดเมื่อยคอ จุดนวดแก้ปวดเมื่อยไหล่ จุดนวดแก้ปวดเมื่อยหลัง จุดนวดแก้ปวดเมื่อยแขน จุดนวดแก้ปวดเมื่อยเข่า จุดนวดแก้ปวดเมื่อยขา

Scroll to top