ยาหอมอินทจักร์
ยาผง ยาเม็ด ยาผง (รพ.) ยาเม็ด (รพ.)
ในผงยา 98 กรัม ประกอบด้วย
เถาสะค้าน รากช้าพลู เหง้าขิง ดอกดีปลี รากเจตมูลเพลิงแดง ลูกผักชีลา โกฐสอ โกศเขมา โกศก้านพร้าว โกศพุงปลา โกศจุฬาลัมพา โกศเชียง โกศกักกรา โกฐน้ำเต้า โกฐกระดูก เทียนดำ เทียนขาว เทียนแดง เทียนข้าวเปลือก เทียนเยาวพาณี แก่นจันทน์แดง แก่นจันทน์เทศ เถามวกแดง เถามวกขาว รากย่านาง เปลือกชะลูด เปลือกอบเชย เปลือกสมุลแว้ง กฤษณา กระลำพัก เถาบอระเพ็ด ลูกกระดอม กำยาน ขอนดอก ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน ดอกกานพลู ลำพันแดง ดอกสารภี ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกจำปา ดอกกระดังงา ดอกมะลิ ดอกคำไทย แก่นฝางเสน ดีวัว พิมเสน หนักสิ่งละ 2 กรัม
1. แก้ลมบาดทะจิต
2. แก้คลื่นเหียนอาเจียน
3. แก้ลมจุกเสียด
รับประทานครั้งละ 1 – 2 กรัม ละลายน้ำกระสายยา ทุก 3 – 4 ชั่วโมง ไม่ควรเกิน วันละ 3 ครั้ง
น้ำกระสายยาที่ใช้
• กรณีแก้ลมบาดทะจิต ใช้น้ำดอกมะลิ
• กรณีแก้คลื่นเหียนอาเจียน ใช้น้ำลูกผักชี เทียนดำต้ม ถ้าไม่มีใช้น้ำสุก
• กรณีแก้ลมจุกเสียด ใช้น้ำขิงต้ม
ชนิดเม็ด
รับประทานครั้งละ 1 – 2 กรัม ทุก 3 – 4 ชั่วโมง ไม่ควรเกินวันละ 3 ครั้ง
ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
– ควรระวังการรับประทานร่วมกับยาในกลุ่มสารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets)
– ควรระวังการใช้กับผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้เกสรดอกไม้
ในสูตรตำรับได้ตัดไคร้เครือออก เนื่องจากมีข้อมูลงานวิจัยบ่งชี้ว่าไคร้เครือที่ใช้และมีการจำหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia ซึ่งพืชในสกุล Aristolochia มีรายงานพบว่าก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อไต (nephrotoxicity) และเมื่อปี ค.ศ. 2002 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้พืชสกุล Aristolochia เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์