มหาพิกัดเบญจ (ยา 5 สิ่ง)
- มหาพิกัดเบญจกูล
- อภิญญาณเบญจกูล
- ทศเบญจกูล
- โสฬสเบญจกูล
- ทศเบญขันธ์
มหาพิกัดเบญจกูล มีส่วนตัวยาดังนี้
- รากเจตมูลเพลิง 4 ส่วน
- เถาสะค้าน 6 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 10 ส่วน
- รากช้าพลู 12 ส่วน
- ดอกดีปลี 20 ส่วน
สรรพคุณ แก่ธาตุทั้งปวงให้บริบูรณ์
อภิญญาณเบญจกูล มีส่วนตัวยาดังนี้
- ใบ ดอก ราก เจตมูลเพลิง สิ่งละ 4 ส่วน
- ใบ ดอก ราก สะค้าน สิ่งละ 6 ส่วน
- ใบ ดอก ราก ขิงแห้ง สิ่งละ 10 ส่วน
- ใบ ดอก ราก ช้าพลู สิ่งละ 12 ส่วน
- ใบ ดอก ราก ดีปลี สิ่งละ 20 ส่วน
สรรพคุณ แก้ในกองอภิญญาณธาตุ คือ ธาตุสำแดงให้รู้ดุจผีสิง
ทศเบญจกูล มีส่วนตัวยาดังนี้
- ดอกดีปลี 10 ส่วน
- เถาสะค้าน 10 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 10 ส่วน
- รากช้าพลู 10 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 10 ส่วน
สรรพคุณ แก้ในกองธาตุทั้งปวงและสงเคราะห์ไปแก้ในโรคสตรี
โสฬสเบญจกูล สรรพคุณ แก้ในกองธาตุทั้ง 4 และอากาศธาตุ
1) โสฬสเบญจกูล ถ้าจะแก้ในกองปถวีธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- ดอกดีปลี 16 ส่วน
- รากช้าพลู 8 ส่วน
- เถาสะค้าน 6 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 4 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 2 ส่วน
2) โสฬสเบญจกูล ถ้าจะแก้กองอาโปธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- ดอกดีปลี 16 ส่วน
- รากช้าพลู 8 ส่วน
- เถาสะค้าน 6 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 4 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 2 ส่วน
3) โสฬสเบญจกูล ถ้าจะแก้ในกองวาโยธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- ดอกดีปลี 16 ส่วน
- รากช้าพลู 8 ส่วน
- เถาสะค้าน 6 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 4 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 2 ส่วน
4) โสฬสเบญจกูล ถ้าจะแก้ในกองเตโชธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- ดอกดีปลี 16 ส่วน
- รากช้าพลู 8 ส่วน
- เถาสะค้าน 6 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 4 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 2 ส่วน
5) โสฬสเบญจกูล ถ้าจะแก้ในกองอากาศธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- ดอกดีปลี 16 ส่วน
- รากช้าพลู 8 ส่วน
- เถาสะค้าน 6 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 4 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 2 ส่วน
รวมกันได้ 36 ส่วนโดยพิกัด แก้ในกองธาตุสมุฏฐาน ขอให้พิจารณาดูว่าโรคจะอยู่ในสมุฏฐานใด แก้ด้วยโสฬสเบญจกูลพิกัดใด จึงจะเหมาะแก่การบำบัดโรคนั้น
ทศเบจขันธ์ แก้ในกองอสุรินธัญญาณธาตุ คือ ธาตุสำแดงให้รู้ดุจผีสิง ให้ระส่ำระสายอยู่ในสมุฏฐานใด แก้ด้วยโสฬสเบญจกูลพิกัดใด จึงจะเหมาะแก่การบำบัดโรคนั้น
1) ทศเบญจขันธ์ ถ้าจะแก้ในกองปถวีธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- ดอกดีปลี 5 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 4 ส่วน
- เถาสะค้าน 3 ส่วน
- รากช้าพลู 2 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 1 ส่วน
2) ทศเบญจขันธ์ ถ้าจะแก้ในกองเตโชธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- รากเจตมูลเพลิง 5 ส่วน
- เถาสะค้าน 4 ส่วน
- รากช้าพลู 3 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 2 ส่วน
- ดอกดีปลี 1 ส่วน
3) ทศเบญจขันธ์ ถ้าจะแก้ในกองวาโยธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- เถาสะค้าน 5 ส่วน
- รากช้าพลู 4 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 3 ส่วน
- ดอกดีปลี 2 ส่วน
- เจตมูลเพลิง 1 ส่วน
4) ทศเบญจขันธ์ ถ้าจะแก้ในกองอาโปธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- รากช้าพลู 5 ส่วน
- เหง้าขิงแห้ง 4 ส่วน
- ดอกดีปลี 3 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 2 ส่วน
- เถาสะค้าน 1 ส่วน
5) ทศเบญจขันธ์ ถ้าจะแก้ในกองอากาศธาตุ มีส่วนและตัวยาดังนี้
- เหง้าขิงแห้ง 5 ส่วน
- ดอกดีปลี 4 ส่วน
- รากเจตมูลเพลิง 3 ส่วน
- เถาสะค้าน 2 ส่วน
- รากช้าพลู 1 ส่วน
รวมกันได้ 15 ส่วน โดยพิกัด แก้ในกองอสุรินธัญญาณธาตุ