ขนานที่ ๑
ท่านให้อา น้ำส้มสายชู ชุบสำลีให้ชุ่มแล้ว ใช้ปิดที่ปากแผล มีสรรพคุณแก้อาการอักเสบ ปวดบวม มีอาการชักกระตุก ซึ่งเป็นบาดแผลเพราะถูกตะปูตำ หรือ เพราะถูกของแหลมคมเป็นบาดแผล ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
ขนานที่ ๒ท่านให้เอา ต้นสาบเสือทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับเหล้า คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานประมาณ ๑ ถ้วยชา ใช้กากพอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระครูศรีรัตนาภิบาล วัดเขาแก้ววรวิหาร อ.เสาไห้ สระบุรี
ขนานที่ ๓ท่านให้เอา รากกระชาย (หัวกระชายไม่เอา เอาเฉพาะราก) ๗ ราก กับ กะปิอย่างดี (กะปิใส่น้ำพริก) ๑ ช้อน (ตักแกง) ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ นำมาตำผสมกัน ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
ถ้าผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก ท่านให้เอา รากกระชายฝนกับฝาละมีหม้อดิน ผสมกับ น้ำซาวข้าว ประมาณน้ำยาครึ่งถ้วยชาใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้อาการแน่นหน้าอก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระครูชินานุวัฒน์ วัอรัญญิกาวาส ประจวบคีรีขันธ์
ขนานที่ ๔ท่านให้เอา ใบส้มเช้า ๓ ใบ หัวหอมโทน ๑ หัว ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้นำมาตำให้แหลก ผสมกับสุรา คั้นเอาเฉพาะน้ำยาประมาณ ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาทุกรายแลฯ
พระครูเกษมโชติวัฒน์ วัดคู้เกษมสโมสร อ.เมือง ฉะเชิงเทรา
ขนานที่ ๕ท่านให้เอา มหาหิงคุ์ หนัก ๔ บาท นำมาใส่หม้อดิน ใส่น้ำสะอาด พอสมควร ต้มจนเดือดดีแล้ว ยกหม้อลงจากเตา ใช้ควันมหาหิงคุ์รมบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ทำให้ปากแผลเปิด มีน้ำหนองไหลออก อาการปวดจะหายไปทันที ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
หมอเจริญ พงษ์มาลา กรุงเทพมหานคร
ขนานที่ ๖ท่านให้เอา ผักบุ้งไทย (ที่เกิดตามท้องนา) มากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำผสมกับ สารส้ม (พอสมควร) ให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล ถ้ามีอาการอักเสบเป็นไข้ด้วย ท่านให้คั้นเอาน้ำยารับประทาน ใช้กากยาพอกที่ปากแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระอธิการประพล อินฺโท
ขนานที่ ๗ท่านให้เอา ผักบุ้งนา (ที่ขึ้นตามท้องนา) กับขี้วัวแห้ง ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ เอาอย่างละพอสมควร นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารับประทาน ใช้กากยาพอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระใบฎีกาสำเริง พลธมฺโม วัดธารน้ำร้อน อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี
ขนานที่ ๘
ท่านให้เอา ต้นสะระแหน่ทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) ๑ กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับ สุรา คั้นเอาน้ำยารับประทาน ใช้กากยาพอกที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระสมาน อภิวฑฺโน วัดสระลอย อ.ท่าม่วง กาญจนบุรี
ขนานที่ ๙ท่านให้เอา หัวปลากุเลาเค็ม นำมาตำให้แหลก ผสมกับ น้ำมะนาว ให้เปรี้ยวจัดๆ ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล เมื่อยาแห้งแล้ว ให้ปรุงยาพอกใหม่ ประมาณ ๕-๖ วัน บาดแผลจะหายขาด มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ
พระสมุห์ปั่น ฉตฺติโก วัดชำราก อ.เมือง ตราด
ขนานที่ ๑๐ท่านให้เอา ข้าวตอก (ข้าวเปลือกที่นำมาคั่วไฟให้แตก) มากพอสมควร นำมารับประทานกับ น้ำกะทิ ให้อิ่มในขณะที่บาดแผลกำลังกำเริบ มีเลือดไหลออก มีอาการปวดชักกระตุก มีสรรพคุณจะทำให้เลือดหยุดไหล และอาการปวดชักกระตุกจะพลันหายไปทันที ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระมังกร จนฺทปญฺโญ วัดใหม่สิทธาวาส อ.อู่ทอง สุพรรณบุรี
ขนานที่ ๑๑ท่านให้เอา ดอกข่า หรือ หัวข่า ก็ได้ มากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบางๆ คั่วไฟให้สุกกรอบ บดเป็นผง กรองด้วยหน้าขางบาง เก็บใส่ขวดโหลไว้ ใช้ยา ๑ ช้อนกาแฟ ผสมกับ สุรา หรือ ผสมกับ น้ำต้มสุก ก็ได้ จำนวน ๓ ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากัน ใช้รับประทาน มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระครูจรูญ อปสนฺโท วัดหัวงิ้ว อ.พยุหะคีรี นครสวรรค์
ขนานที่ ๑๒ท่านให้เอา ใบว่านมหากาฬ ๑ กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำ ผสมกับ สุรา ประมาณน้ำยา ๑ ช้อนโต๊ะ ใช้รับประทานเอากากยาพอกที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่งชะงัดนักแลฯ
พระครูจรูญ อปสนฺโท วัดหัวงิ้ว อ.พยุหะคีรี นครสวรรค์
ขนานที่ ๑๓ท่านให้เอา ยางสน หนัก ๒๐ บาท กับ เมล็ดละหุ่ง ๒๐ เม็ด ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้ นำมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
พระบุญเลิศ จนฺทสโร วัดบ้านลาด อ.หนองแค สระบุรี