สะเดาดิน

สะเดาดิน

ชื่อสมุนไพร : สะเดาดิน
ชื่ออื่น : 
ผักขวง, สะเดาดิน(ภาคกลาง), ผักขี้ขวง(ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์
 : Glinus oppositifolius (L.) A.DC.
ชื่อวงศ์ : AIZOACEAE

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :

  • ต้นสะเดาดิน เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีลำต้นเตี้ยหรือทอดเลื้อยแตกแขนงแผ่ราบไปกับพื้นดิน แตกกิ่งก้านสาขาแผ่กระจายออกไปรอบ ๆ ต้น ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด เป็นพรรณไม้กลางแจ้งที่ชอบแสงแดดจ้า เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ทนแล้งได้ดี  พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะทางภาคเหนือ โดยมักขึ้นได้ในบริเวณที่ชื้นแฉะ ตามไร่นา และตามสนามหญ้าทั่วไป
    สะเดาดิน
  • ใบสะเดาดิน เป็นใบเดี่ยว ใบมีขนาดเล็ก แตกใบออกตามข้อต้น ซึ่งในแต่ละข้อจะมีใบอยู่ประมาณ 4-5 ใบ ลักษณะของใบเป็นรูปยาวรี ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียว ก้านใบสั้น
  • ดอกสะเดาดิน เป็นดอกเดี่ยวรวมกันอยู่ตามข้อของลำต้นใกล้ ๆ กับใบ ในข้อหนึ่งจะมีดอกประมาณ 4-6 ดอก ดอกเป็นสีขาวอมเขียว มีกลีบดอก 5 กลีบ แต่ละกลีบมีขนาดยาวประมาณ 0.3 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวกว่ากลีบดอก โดยจะมีความยาวประมาณ 0.6-1.2 เซนติเมตร
  • ผลสะเดาดิน เป็นรูปยาวรี จะยาวประมาณ 0.2 เซนติเมตร ซึ่งเมื่อผลแก่แล้วนั้นจะแตกออกเป็น 3 แฉก ทำให้เห็นเมล็ดที่อยู่ภายในได้ชัดมีอยู่จำนวนมากมาย ขนาดเท่าเม็ดทราย มีสีน้ำตาลแดง
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ทั้งต้น

สรรพคุณ สะเดาดิน :

  • ทั้งต้น รสขม บำรุงน้ำดี แก้ไข้ ไข้เหนือ ไข้เพื่อดีพิการ ดับพิษร้อน ตำกับขิงสดปิดกระหม่อมเด็กแก้หวัด ปวดศีรษะ  แก้ไอ ใช้ปรุงเป็นยาระบาย บำรุงธาตุ แก้คัน เป็นยาทาแก้โรคผิวหนัง หรือยาฆ่าเชื้อ แต่ถ้าผสมกับน้ำมันละหุ่งแล้วนำไปอุ่น จะเป็นยาแก้ปวดหู หยอดหู

ต้นสะเดาดินเป็นผักที่มีรสขมคล้ายสะเดา  โดยชาวบ้านตามชนบทจะใช้เป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกและรับประทานร่วมกับลาบ บ้างนำมาลวกจิ้มกับน้ำพริกหรือนำมาแกงรวมกับผักอื่น ๆ แกงแค แกงเมือง หรือแกงกับปลาทูนึ่งรับประทาน

Scroll to top